ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ภาพของนักธุรกิจเช็คอีเมล์ เด็กวัยรุ่นฟังเพลง MP3 สาวอินเทรนด์ท่องเว็ปช๊อปปิ้ง โดยทุกอย่างนี้ทำได้โดยตรงจากโทรศัพท์มือถือ ดูแล้วอาจจะเหมือนภาพของภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง แต่ในวันนี้กลับเป็นเรื่องที่แสนธรรมดา และสิ่งเหล่านี้พัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งจากฝีมือของผู้นำทางด้านโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่...โนเกีย
ทุกวันนี้ สโลแกน "Connecting People" ได้เปิดประตูสู่โลกของโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไร้สายให้แก่โนเกียอย่างแท้จริง ไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทยักษ์ใหญ่ เจ้าของสโลแกนนี้ กับโทรศัพท์มือถือประทับแบรนด์โนเกียที่หลายๆ คนกำลังถืออยู่ในมือ แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ถึงความเป็นมาของโนเกียนั้นเป็นอย่างไร ก่อนที่จะเป็นบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือยอดนิยม ที่ติดอันดับขายดีที่สุดของโลกอย่างเช่นในทุกวันนี้นั้น เชื่อหรือไม่ว่าโนเกียเคยเป็นโรงงานผลิตกระดาษ ยางไม้ และสายเคเบิ้ลมาก่อน ลองมาทำความรู้จักกับอุปกรณ์สื่อสารที่คุณถืออยู่ในมือให้มากยิ่งขึ้นกันดีกว่า

โนเกียไม่ได้เริ่มธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิคเป็นพื้นฐานอย่างแรกของบริษัท แต่ได้เปิดบันทึกหน้าแรกของประวัติาศาสตร์ด้วยการเป็นผู้ผลิตเยื่อกระดาษ โดยมีวิศวกร Fredrik Idestam เป็นเจ้าของ
ย้อนเวลากลับไปยังปี ค.ศ. 1865 บริษัทโนเกียได้ก่อตั้งขึ้นบนริมฝั่งแม่น้ำ Nokia (โนเกีย) แม่น้ำสายใหญ่ในประเทศฟินแลนด์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ และทะเลสาบ นับว่าเป็นดินแดนที่เหมาะสมอย่างมากในการทำธุรกิจเยื่อกระดาษในย่านนี้ และกลายมาเป็นโรงงานผู้ผลิตเยื่อกระดาษรายใหญ่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่ Idestam ยังมีประสบการณ์ไม่เพียงพอในการทำงานด้านธุรกิจ จึงจำเป็นต้องหยิบยืมเทคโนโลยีมาจากประเทศเยอรมันในปี 1866 แต่นั่นก็ช่วยทำให้เขาพัฒนาบริษัทขึ้น

ต่อมาในปี 1902 Idestam ได้ขยายธุรกิจจากโรงงาน กระดาษมาสู่ธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้า เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจกระดาษที่ทำอยู่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าค่อนข้างมาก จึงได้ตัดสินใจสร้างโรงผลิตไฟฟ้าขึ้นเองในปี 1903 แต่แล้วในช่วงสงครวมโลกครั้งที่ 1 มรสุมใหญ่ก็ผ่านเข้ามา ธุรกิจส่งออกกระดาษ ของโนเกียได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจนประสบภาวะาขาดทุนอย่างรุนแรง แต่ในขณะเดียวกันนั่นเองธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้ากลับเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะการ ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมากในประเทศฟินแลนด์ ทำให้ช่วยพยุงกิจการด้านกระดาษที่ขาดทุนอย่างสูงไว้ได้ในระดับหนึ่ง
และในปี 1918 บริษัท Finnish Rubber Works (FRW) ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำผลิตภัณฑ์ยางในประเทศฟินแลนด์ และเป็นหนึ่งในลูกค้ารายสำคัญของโรงงานผลิตไฟฟ้าของโนเกีย ได้มาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของโนเกีย หลังจากที่โนเกียไม่สามารถรองรับการขาดทุนของธุรกิจได้ จนต้องตกไปเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท FRW แทน
จากนั้นในปี 1922 บริษัท Cable Works ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านสายเคเบิ้ล และสายโทรศัพท์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Nokia group จากความสนใจของบริษัท FRW แม้จะมีความหลากหลายของธุรกิจที่รวมเข้าด้วยกัน แต่โนเกียก็ยังคงผลิตสินค้าออกมาทั้ง 3 ประเภท คือกระดาษ ผลิตภัณฑ์ยาง (รองเท้าายาง ยางรถยนต์) และสายเคเบิ้ล โดยสินค้าทั้งหมดออกจำหน่ายในนามของโนเกีย

ก้าวมาสู่ยุคแห่งการสื่อสารไร้สายในการนำของรองประธานกรรมการอาวุโส และกรรมการบริหารการเงิน Jorma Ollila ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานตั้งแต่ปี 1992 - 1999 และ CEO ของโนเกียในปี 1999 จนตราบถึงทุกวันนี้ ด้วยแนวคิดของ Ollila ภายใต้การดูแลของ Kairamo นั้น โนเกียกับโทรศัพท์มือถือจึงได้ถือกำเนิดขึ้น

ไม่นานระบบเครือข่ายที่ดีขึ้นก็เป็นที่ต้องการในสังคม โนเกียจึงพัฒนาเครือข่าย GSM ขึ้นเป็นครั้งแรกให้กับ Radiolinja บริษัทของฟินแลนด์ เมื่อปี 1989 ณ จุดนี้เองที่ Nokia 1011 บรรพบุรุษของบรรดาโทรศัพท์ มือถือในยุคปัจจุบันได้ออกมาสู่สายตาของทุกคนเป็นครั้งแรกในปี 1992 จากนั้นโนเกียก็ได้ยึดโทรศัพท์มือถือเป็นธุรกิจหลักเป็นต้นมา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2006 บริษัท Siemens AG ได้เข้ารวมกับโนเกียในการพัฒนาธุรกิจเครือข่าย มุ่งหวังจะกลายเป็นบริษัทเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด โดยมีส่วนแบ่งเท่าเทียมกันที่ร้อยละ 50 และอยู่ในนามของ Nokia Siemens Networks คงต้องติดตามประวัติศาสตร์อีกก้าวหนึ่งของโนเกีย ในด้านเครือข่ายต่อไปในอนาคต
ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าโนเกีย ได้กลายมาเป็นผู้นำทางด้านโทรศัพท์ มือถือที่มียอดขายสูงสุดทั่วโลก และได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยเช่นกัน ทุกวันนี้ สำนักงานใหญ่ของโนเกียก็ยังคงตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโนเกีย อย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่อดีตและต่อไปในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น